วัดไทยใกล้กรุง @อยุธยา
วัดพนัญเชิง หรือที่เรียกกันว่า วัดหลวงพ่อโต พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดในพระนครศรีอยุธยา
อีกหนึ่งวัดที่ขึ้นชื่อขออยุธยา หากพูดถึงสายบุญ สายมูแล้ว แทบจะไม่มีใครไม่รู้จักวัดนี้กันเลยทีเดียว หลายๆเพจ หลายๆ blog ก็น่าจะมีรีวิวให้ดูเยอะแยะแล้วสินะคะ แต่วันนี้ เราก็จะมาอัพเดทวันนี้กันให้อีกครั้ง เพราะได้ไปขอพรช่วงโควิดมา แบบคิดว่าช่วงนี้น่าจะเที่ยวได้ไหว้พระแบบสบายๆ คนไม่เยอะ ไปครึงวันช่วงบ่ายก็ไม่ร้อนด้วย โดยเฉพาะการเข้ามาสักการะขอพรหลวงพ่อโตนั่น ซึ่งนอกจากจะเป็นที่เคารพนับถือของชาวไทยแล้ว ชาวจีนก็นิยมเดินทางมากราบไหว้ขอพรท่านด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังมีสถานที่ศักดิ์สิทธิที่ถ้าใครได้มาที่นี่แล้วก็ไม่ควรพลาดที่จะได้เข้าไปสักการะ นั่นก็คือ ศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมากผู้ที่ศรัทธานิยมมาขอพรท่านเรื่องความรัก การงาน และขอบุตร และรูปปั้นเหล่าทวยเทพสายจีนทั้งหลาย ต้องได้มาขอเฮงกันที่นี่อย่างครบกันเลยทีเดียว
วัดพนัญเชิง เป็นวัดเก่าแก่และสำคัญวัดหนึ่งของอยุธยา มีชื่อเสียงระบือไปทั่วประเทศโดยเฉพาะหลวงพ่อโตหรือเจ้าพ่อซำปอกงที่พุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและชาวจีนต่างให้ความเคารพนับถือมาช้านาน เมื่อมายังวัดแห่งนี้จะไม่แปลกที่จะต้องพบเจอผู้คนจำนวนมากที่ไหลเวียนมานมัสการหลวงพ่อโตกันอย่างเนืองแน่น
ประวัติ วัดพนัญเชิง เป็นวัดที่มีประวัติอันยาวนาน ก่อสร้างก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยาและไม่ปรากฎหลักฐานที่แน่ชัดว่าใครเป็นผู้สร้าง ตามหนังสือพงศาวดารเหนือกล่าวว่าพระเจ้าสายน้ำผึ้งเป็นผู้สร้าง และพระราชทานนามว่า วัดเจ้าพระนางเชิงและในพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐกล่าวไว้ว่า ได้มีการสถาปนาพระพุทธรูปพุทธชื่อ”พระเจ้าพแนงเชิง” เมื่อปี พ.ศ. ๑๘๖๗ ซึ่งก่อนพระเจ้าอู่ทองจะสถาปนากรุงศรีอยุธยาถึง ๒๖ ปีหลวงพ่อโต หรือ พระพุทธไตรรัตนนายก
หลวงพ่อโตหรือพระพุทธไตรรัตนนายก พระพุทธรูปศิลปะอู่ทองตอนปลายพระพุทธรูปศิลปะอู่ทองตอนปลาย ปางมารวิชัย ขัดสมาธิราบ ขนาดหน้าตักกว้าง ๑๔.๒๐ เมตร สูง ๑๙.๒๐ เมตร วัสดุ ปูนปั้นลงรักปิดทองหลวงพ่อโตหรือพระพุทธไตรรัตนนายก หรือพระโตของชาวอยุธยาองค์นี้ ถือกันว่าเป็นพระโบราณคู่บ้านคู่เมืองกรุงศรีอยุธยามาแต่แรกสร้างกรุง พงศาวดารกรุงเก่าฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ระบุว่าสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๑๘๖๘ หรือสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ สถาปนากรุงศรีอยุธยา ๒๖ ปีและเมื่อกรุงศรีอยุธยาใกล้จะแตกปรากฏในคำให้การขาวกรุงเก่าว่าพระปฏิมากรใหญ่ที่วัดพนัญเชิงมีน้ำพระเนตรไหลเป็นที่อัศจรรย์ หลวงพ่อโตเป็นพระองค์หนึ่งซึ่งเป็นที่เคารพนับถือในหมู่ชาวจีนมากโดยเรียกกันว่า ซำปอกง นอกจากชาวไทยแล้วยังมีผู้มีเชื้อสายจีนหลั่งไหลกันมากราบไหว้บูชาจำนวนมากและเป็นประจำทุกปี
พระพุทธรูปทองคำในพระอุโบสถ ในพระอุโบสถวัดพนัญเชิงนั้นมีพระพุทธรูปสำคัญ 3 องค์ คือ พระพุทธรูปทองคำ พระพุทธรูปปูน และพระพุทธรูปนาค พระพุทธรูปทองเป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยทำจาทองสัมฤทธิ์ หน้าตักกว้าง 3 ศอก สูง 4 ศอก มีสีทองอร่ามใสเป็นเงาสะท้อนอย่างชัดเจน องค์กลางเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นสมัยอยุธยาหน้าตักกว้าง 4 ศอก สูง 5 ศอก ส่วนพระพุทธรูปนาคเป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยนั้นจะมีสีออกแดงๆหน้าตักกว้าง 3 ศอก สูง 5 ศอก กล่าวกันว่าพระพุทธรูปทองและนาคนี้เพิ่งถูกพบว่าเป็นพระทองและพระนาค ด้วยบังเอิญ เนื่องจากแต่เดิมทีพระทั้งสององค์ถูกฉาบ เคลือบด้วยปูน จนมีลักษณะคล้ายกับพระพุทธรูปปูนปั้นทั่วไป สาเหตุคงเพราะว่าช่วงเวลาก่อนที่กรุงศรีอยุธยาจะถูกข้าศึกบุกตีพระนคร คนในสมัยนั้นเกรงว่าพระพุทธรูปทองและพระพุทธรูปนาคนี้จะถูกขโมยหรือเผาเอาทองไปจึงได้ฉาบปูนเคลือบและปั้นปูนในขณะที่ปูนยังไม่แห้งเพื่อทำเป็นลายจีวรและลักษณะต่างๆเช่น ปั้นรูปพระพักตร์ พระเกศา เพื่อให้เข้าใจว่าไม่ใช่พระทองคำและพระนาค จนกระทั่งในภายหลังมีผู้ไปค้นพบว่าเป็นพระพุทธรูปทองคำเนื่องจากเศษปูนได้กะเทาะออกมาและเนื้อภายในเป็นทอง จึงได้ค่อยๆกะเทาะปูนออกให้หมด จึงได้เห็นว่าเป็นพระทองคำทั้งองค์และนำมาประดิษฐานอยู่ภายพระอุโบสถของวัด
ศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก อนุสรณ์แห่งความรัก หรือ “ศาลเจ้าแม่แอเนี้ย”
หลังจากได้สักการะขอพรจากหลวงพ่อโตเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ไม่ควรพลาดที่จะมาขอพรเรื่องความรักนั่นเอง ซึ่งหลายๆคนหากได้ฟังตำนานของพระนางสร้อยดอกหมากอนุสรณ์แห่งความรักกับเจ้าชายสายน้ำผึ้งที่จบลงด้วยโศกนาฏกรรมในยุคก่อนสถาปนากรุงศรีอยุธยา เชื่อว่าหลายๆคนที่เคยได้ยินเรื่องเล่านี้จะต้องมาขอพรแห่งความรัก ณ ที่แห่งนี้จำนวนไม่น้อย
ศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน2 ชั้น ตกแต่งลวดลายปูนปั้นสวยงาม ชั้นล่างเป็นเจ้าที่ เมื่อได้เดินเข้าไปภายในศาลชั้นล่างก็จะเป็นที่จุดธูปเทียน แต่หากท่านไหนมีเวลา สามารถเดินขึ้นไปยัง ชั้น2 ประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิม ซึ่งนับถือกันว่าเป็นตัวแทนรูปเคารพของพระนางสร้อยดอกหมาก มักมีผู้คนมาขอพรเรื่องความรัก คู่ครองและการมีบุตร เมื่อสมความปรารถนาแล้วมักนำผ้าแพร ไข่มุก เรือสำเภาจำลองหรือเชิดสิงโตถวาย ที่นี่ยังเก็บสมอเรือเก่าแก่ไว้อันหนึ่ง เชื่อกันว่าเป็นสมอเรือของพระนางสร้อยดอกหมาก องค์เจ้าแม่ที่ต่างมีผู้คนเข้ามาสักการะขอพร และนำดอกไม้ผลไม้มาถวายเพื่อเป็นการขอบคุณ หรือแม้แต่แก้บน อย่างไม่ขาดสาย ตัวศาลพระนางสร้อยดอกหมากนั้นเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมและศิลปะจีน ป้ายหน้าศาลมีทั้งอักษรไทยและจีน เขียนว่า เปยเหนียง หากแปลแยกจะได้ความว่า หญิงสาวผู้โศกเศร้า แต่หากแปลรวมจะหมายถึง พระแม่ผู้เปี่ยมเมตตา นอกจากขอพรแล้ว ยังมีเซียมซี ไว้สำหรับใครที่ชอบการเสี่ยงทาย ไม่ว่าจะเป็นคำทำนายดวงของตัวเอง หรือแม้แต่เสี่ยงเลขที่อยากได้ก็ห้ามพลาดเลยนะคะ
คนไทยเข้าชมฟรี สำหรับชาวต่างชาติเสียค่าเข้าชมคนละ 20 บาท
ตำนานพระนางสร้อยดอกหมาก
ตำนานรักอันแสนเศร้าเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก
ศาลาแห่งทวยเทพศาสตร์แห่งจีน มหาเฮง ปังๆรวยๆ
และที่ห้ามพลาดอีกหนึ่งจุดนั่นก็คือ รูปปั้นเหล่าทวยเทพสายจีนทั้งหลาย ต้องได้มาขอเฮงกันที่นี่อย่างครบกันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น องค์เจ้าแม่กวนอิมพันมือ เทพเจ้ากวนอู เทพเจ้าอุ้ยท้อเทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ยะ และอีกมากมาย เรียกได้ว่ามาที่นี่ ขอจบครบในที่เดียวกันเลยค้าาาา